วันนี้วันพระ ตื่นแต่เช้าตั้งใจไปสักการะศาลหลักเมือง และเมื่อเสร็จภารกิจก็อยากไปวัดไหว้พระ ใจไปนึกถึงวัดชนะสงครามฯ เลยมุ่งไปยังจุดหมายต่อไปอย่างไม่ล่าช้า ที่จริงขับรถผ่านวัดนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่มักผ่านเลยไป แถมเมื่อวัยรุ่นที่ยังซึ่งถนนข้าวสาร แวะมาจอดรถที่นี่ แต่ก็ไม่เคยได้เข้ามากราบพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่แม้แต่คร้้งเดียว วันนี้ได้โอกาส ขอให้เวลากับจิต และสติของตัวเองก่อนจะเริ่มงานในวันนี้


วัดนี้มีพื้นที่ไม่ใหญ่ไม่โต แต่ขนาดของอุโบสถนั้นใหญ่และโอ่งโถงมาก เช้าวันนี้ เดินเข้าไปในบริเวณวัดได้ยินเสียงพระทำวัตรสวดมนต์ สะกดจิตให้เราตามเข้าไปฟังธรรมในอุโบสถในวิถีชาวพุทธ

ต้องยอมรับว่าช่วงชีวิต ณ เวลานี้ เต็มไปด้วยสิ่งท้าทายทางจิต เรื่องต่างๆ เข้ามาพร้อมๆ กัน ก็มิอาจที่มนุษย์ปุถุชนจะด้านทนไหว ความว้าวุ่น ทำให้เราต้องค้นหาคำตอบเพื่อที่จะก้าวเดินอย่างเข้มแข็ง สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ณ เวลานั้น คือ นั่งสงบ จ้องพระพักตร์พระประธานในอุโบสถ


พระประธานในวัดชนะสงครามฯ มีนามว่าหลวงพ่อปู่ (ชื่อทางการ คือ พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 3.50 เมตร ด้านหลังมีเครื่องประดับคล้ายตาลบัตรปักอยู่ด้านหลัง (ความรู้ขณะที่เขียนนี้ เราไม่ทราบว่า สิ่งนี้ เรียกว่าอะไร

ประดิษฐานทางเข้าอุโบสถ

จากการศึกษาข้อมูล ไม่พบว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างในสมัยใด แต่มีการบันทึกในเอกสารของวัด ไว้ว่า วัดชนะสงครามฯ และพระประธานได้รับการปฏิสังขรณ์ โดย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พร้อมบรรจุฉลองพระองค์ลายยันต์ พร้อมเสื้อยันต์ของเหล่าแม่ทัพนายกองของพระองค์ เมื่อครั้งที่ชนะศึกกับพม่าสงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328) สงครามที่ท่าดินแดงและสามสบ (พ.ศ. 2329) และศึกนครลำปางป่าซาง (พ.ศ. 2330) และก็เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงคราม ด้วยเช่นกัน





“ชนะสงคราม” ฤา ชื่อนี้ เป็นปริศนาธรรม ฉุกคิดถามตัวเองว่า หรือวันนี้ ธรรมะจัดสรรให้เราค้นพบอะไรกันแน่?
ขณะที่นั่งมองพระพักตร์หลวงพ่อปู่นั้น ถึงปากจะสวดมนต์ตามแม่ชีก็ตาม แต่จิตสั่งสมองให้คุยกับตัวเองจนผ่านไป 10 นาที ก็ได้ยินเสียงประจักษ์ก้องร่างว่า บอกว่า
“สงครามนั้นอยู่ภายนอก แต่ไหนเล่าจิตรับมาให้เป็นสงครามภายในใจ หากเราควบคุมสิ่งเร้าภายนอกไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องรอบตัวมาเป็นสงครามภายในใจ เพียงแต่เรา ต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลง และโต้คลื่นไปกับมัน ไม่ต้องรับเอามาไว้ในใจ ก็ทำให้เราสงบสุข และ เข้มแข็ง
สงครามใดหรือที่อยู่ในใจเรา?
คำตอบ คือ สงครามคุณธรรมที่ต้องต่อสู้กับความรับผิดชอบ สุดขั้วของความจริงสองเรื่องที่เราต้องยอมรับแบบไม่มีสิทธิ์เลือกฝ่ายชนะสงคราม เราจึงต้องโต้คลื่นไปให้ได้ เรา ณ เวลานั้นเข้าถึงสัจธรรม และจิตที่เป็นปิติ พลังบวกก็กลับมาอีกครั้ง




จากนั้น สองเท้าก้าวเดิน รอบๆ วัดชมศิลปะวัฒนธรรมและกราบไหว้สิ่งศักดิ์ และเดินทางสู่จุดหมายปลายทางทำหน้าที่ของเราต่อไป

ณ วัดชนะสงครามฯ ถนนจักรพงษ์
8.30 น. พฤหัสบดี 14 กันยายน