มา “กิน-แอ๊ค-ชิล” สุดๆ แบบน้องแอนดี้ที่ Natura Garden Cafe

เรื่องนี้ ขอพาเที่ยวให้สนุกๆ กันสักหน่อย หลังจากที่ช่วงนี้ เรามุ่งเที่ยววัดมาหลายตอน  และเราอยาก Cheer Up แฟนๆ ผู้อ่านให้หายเบื่อจากสุดสัปดาห์ฝนตกพรำพรำแห่งชาติ  วันนี้ เราจึงตั้งใจค้นหาที่เที่ยว-กินวันหยุดให้ครอบครัว อาหารอร่อย บรรยากาศดี เข้า Google มาเจอร้าน “Natura Garden Cafe” ย่านจอมทอง-พระราม 2 เมื่อคลิกดูภาพชอบใจ ตัดสินใจไปภายใน 5 นาที ออกเดินทาง 

ก่อนจะอ่านกันต่อ วันนี้ ขอเปิดตัวลูกชายตัวแสบ หรือ ลิงประจำบ้าน “น้องแอนดี้” อย่างเป็นทางการ เพราะมีคำถามมาทาง Inbox หลายครั้งว่า เด็กใน aDayoff ที่โผล่มาในรูปคือใคร สรุป เป็นอันว่าได้คำตอบกันแล้วนะ ไปเที่ยวกันเลย!

กิจกรรมห้ามพลาด

  • “กิน” ทุกอย่างที่อยากกินได้เลย เพราะอร่อยหมด! 
  • “แอ๊ค” ท่าให้สุด เพราะมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เยอะมาก
  • “ชิล” สูดอากาศบริสุทธิ์ให้อิ่มท้อง ชมธรรมชาติตามท้องร่องใต้ต้นลิ้น

Natura Garden Cafe ตั้งอยู่ในสวนภูมิใจการ์เด้น ย่านจอมทอง กรุงเทพฯ​ เดินทางไปมาสะดวกจากถนนพระราม 2 ความสนุกเริ่มต้นตั้งแต่การเดินทางเข้าไปสวนล่ะ เพราะเราไม่สามารถเอารถเข้าไปจอดที่หน้าร้านได้ ต้องจอดรถบนถนนจอมทอง (หรือชื่อถนนพระราม 2 ซอย 28) ตรงข้ามปากทางเข้าแยก 18 และซึ่งกระป้อเข้าไป ฮ่า​! น้องแอนดี้ ถึงกับงง ถามแม่ว่า “แม่ะ (สำเนียงไทยเพื้ยน)  แว อา วี โก อิ่ง”

รถกระป้อเข้าไปร้าน หน้าตาแบบนี้นะ ถ้าจะตามรอยมา ขึ้นให้ถูกคันกันนะ
หน้าตาไม่สนใจจุดหมายปลายทาง ห่วงเล่นเกมส์ ยังไม่รู้เสียแล้ว สถานที่ดีๆ รอหนูอยุ่
ภาพแรกที่เห็น เมื่อลงจากรถกระป้อ ทำให้เกิดคำถาม “มีสวนเขียวๆ และ สงบแบบนี้ ในเมืองด้วยหรือ?”
มาถึงคาเฟ่แล้ว​! คาเฟ่ตั้งอยู่ในสวนภูมิใจ บรรยากาศร่มรื่นมาก

“กิน” ทุกอย่างที่อยากกินได้เลย เพราะอร่อยหมด!

มาถึงเวลา 11.45 น. เกือบเที่ยง หิวกันทั้งครอบครัว แต่เงื่อนไขวันนี้ สมาชิกครอบครัวจะสั่งอาหารประเภทแป้งน้อยๆ เพราะเราตั้งใจลดน้ำหนัก มาดูกันสิว่า เราทำได้ไหม และ กินอะไรกันบ้าง ชม!

อดใจได้อย่างไร “ข้าว” เหนียวหน้ากุ้ง “ข้าว” ต้มมัด แป้งทั้งนั้น ก็เลยสั่งอาหารจานหลักเป็นสลัดผักกูด รสชาติจี๊ดจ๊าดถึงใจ  และสลัดไก่มาโย

ห้ามใจไม่ไหวอีก! เมื่อสั่งข้าวเหนียวหน้าสังขยาไป 1 กระทง ต้องเดินกลับไปสั่งหน้ากุ้งและหน้าปลาแห้งเพิ่ม 

เมนู Potato Wedges นี้ ขอเอ็กซ์คลูซีฟให้แอนดี้คนเดียวเลย เพราะนางประกาศไม่แบ่งใคร แม่แต่บุพการี (นางแอบไปดูโต๊ะอื่นว่าสั่งอะไรแล้ว ขอสั่งตามเลยทีเดียว)

ไม่ไหวต้องเคลียร์! ไม่ใช่ว่ามีปัญหา แต่ขอเคลียร์อาหารในจานเข้าปากให้หมด เค้กน่ากินทุกรส คุณภาพดี ไม่หวานเกินไป

โปรดสังเกตุบลูเบอร์รี่ สดลูกใหญ่โตมาก เคี้ยวแล้ว ชุ่มฉ่ำดีจริงๆ 

เมนูนี้ แอนดี้ขอไม่พลาด Chocolate Mouse  เอ้ะ  Mouse แปลว่าหนู ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ที่มาที่ไป คือ แอนดี้อยากกินเค้กชิ้นนี้มาก ตะโกนสั่งอย่างเร็วเพราะกลัวอดกิน แต่อ่านป้ายผิดพลาด ฮ่าฮ่า (เค้กชิ้นนี้ ชื่อ Chocolate Mousse นะ) พอได้ของมา นางชิมแล้วยกนิ้วโป้ง เยี่ยม!

จบด้วย เครื่องดื่มเย็นๆ คาเฟ่ อเมริกาโน่ลิ้นจี้ คาเฟ่มอคค่า และตะลิงปลิงโซดา

มา “แอ๊ค” ท่าให้สุด เพราะมีมุมถ่ายภาพเยอะมาก

อากาศวันนี้ ชุ่มฉ่ำ ฝนตกปรอย ครึ้ม บรรยากาศแบบนี้ เป็นสภาพแสงที่ดีแบบหนึ่งในการถ่ายภาพสวนทึบหรือในป่า เพราะน้ำฝนขัดใบไม้ให้เป็นสีเขียวสดและมันวาว ทำให้ได้ภาพที่ได้มีสีเขียวสด สีต้นไม้มีมติ และแสงกระจายทำให้หน้าคนไม่ดำมืดอีกด้วย 

จุดถ่ายรูปมีหลายมุม มาดูสิว่าวันนี้ แอนดี้ เลือกมุมไหนบ้าง 

จุด 1 สะพานข้ามท้องร่อง มุมนี้แอนดี้ วิ่งไปมาหลายรอบ จนสร้างความหวาดเสียวว่าจะลื่นตกท้องร่อง  พอเราบอกว่าเตรียมพร้อม 3 2 1 ยิ้ม แอนดี้กระโดดตัวลอยเลย

จุด 2 แอ๊คชั่นใส่วิกหนวดฤาษี ดูความทะเล้นกันเองนะ

“ชิล” สูดอากาศบริสุทธิ์ให้อิ่มท้อง ชมธรรมชาติตามท้องร่องใต้ต้นลิ้นจี่ 

เมื่อกินอิ่ม และ ถ่ายภาพชิลๆ กันเสร็จแล้ว ขอแนะนำกิจกรรมต่อไป คือ การชมภูมิสถาปัตย์ ต้นไม้ และ ดอกไม้

คาเฟ่แห่งนี้ ออกแบบในคอนเชป Green Architechture หมายถึง สถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้ไปเยือน (ความหมายได้จากการค้นคว้าในโลกออนไลน์) เราจะเห็นได้ว่าอาคาร โต๊ะ เก้าอี้ สร้างจากไม้ไผ่ ทั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนการปลูกสร้างบ้านเรือนตามภูมิปัญญาชาวสวนอีกด้วย นอกจากนี้ ทางร้านยังคงรักษาบรรยากาศของบ้านสวนริมคลองที่มีอากาศบริสุทธิ์ และสวนลิ้นจี่เก่าแก่อายุ 100 กว่าปี มีต้นไม้สูงใหญ่ให้เป็นร่มเงาของต้นไม้เล็ก มีท้องร่องที่น้ำชุ่มฉ่ำ ให้ความรู้สึกร่มเย็น

เรือนไม้ไผ่สองชั้นด้านหน้า สำหรับต้อนรับแขกในฤดูฝน
เรือนไม้ไผ่ชั้นเดียวด้านใน คือ จุดไฮไลท์ของร้าน
มีชานนั่งชิลห้อยขาสำหรับนั่งชมวิว
สามารถนั่งกินอาหาร พร้อมมีฉากหลัง เป็นวิวท้องร่องและสวนลิ้นจี่
โต๊ะ เก้าอี้ ทำจากไม้ไผ่ กลมกลืนไปกับธรรมชาติ
ต้นมะพร้าวเอนตามธรรมชาติ
เดินไปสุดทางจะพบกับคลองบางขุนเทียน เส้นทางคมนาคมหลักของคนในละแวกนั้นก่อนมีรถเข้าถึง

มาเที่ยว กิน อาหารอยู่หลายชั่วโมง สงสัยจริงๆ ว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่? 

ขณะซื้อขนมไทย ก็เรียกชื่อน้องแอนดี้เสียงดังโดยไม่ตั้งใจ เพราะลูกกำลังจะวิ่งไปเล่นที่ทางรถมอเตอร์ไซต์ คนขายขนมยิ้มและบอกว่า “เจ้าของที่นี่ ชื่อแอนดี้เหมือนกันเลยนะคะ” เราคิด “เอ้ะ ดีจัง ชื่อเหมือนลูกเลย”  จากนั้น เราก็เดินเข้าไปสั่งอาหาร เหลือบมองไปเห็นใบทะเบียนพาณิชย์ ที่ระบุชื่อร้านและเจ้าของ เอ้ะ รอบ 2 ชื่ออันดามัน ชื่อจริงเดียวกับน้องแอนดี้เลย​! เราเลยคุยกับแคชเชียร์เพื่อยืนยันความเข้าใจ

สรุปว่า ถูกต้องทุกประการ คือ ชื่อจริง และ ชื่อเล่นของเจ้าของคาเฟ่ คือ ชื่อเดียวกันกับน้องแอนดี้นั่นเอง และแล้ว… แคชเชียร์ก็เรียกคุณแอนดี้ออกมาทำความรู้จัก และคุณแอนดี้ก็คุยกับน้องแอนดี้ เด็กน้อยถึงกับทำตาโตอุทานเสียงหลงแล้วพูดว่า

มีอันดามันและแอนดี้อีกคนที่เหมือนกับเขาจริงหรือเนี่ย” ถูกต้องแล้วจ้ะลูก อย่าตกใจไปเลย มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันดีกว่า

คุณแอนดี้-อันดามัน โชติศรีลือชา และน้องแอนดี้-อันดามัน วิลคิลสัน
ถ่ายภาพร่วมกันในวันที่ 10.10 ที่ได้เจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แอนดี้ยังงงไม่หาย!

ก่อนกลับ เราถามลิงน้อยว่า จะมาอีกไหม? เด็กน้อยตอบ “มาแน่นอน” 😄 มาคราหน้าจะไปฝากน้องแอนดี้ไว้กับคุณแอนดี้ เพื่อฝึกเป็นพนักงานเสิร์ฟนะจ้ะ 

บ๊ายบาย กลับล่ะจ้ะ
Errorlloyd

Errorlloyd

เริ่มการท่องเที่ยวสะพายกล้อง มาตั้งแต่อายุ 29 ปี มิชชั่น คือ ทุกปีต้องเดินทางไปที่ที่ไม่เคยไป เพื่อค้นหาเรื่องราว เข้าใจที่มาที่ไป รู้จักชีวิตหรือความคิดของคนต่างถิ่น ทุกสุดสัปดาห์ จะต้องเสาะหาสถานที่เที่ยวที่สามารถเดินทางได้ใน 1 วัน และทุกวันหลังเสร็จจากภารกิจงานและชีวิต มุ่งหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง
Previous post ลอดอุโบสถล้างอาถรรพ์ และไหว้พระเสริมสิริมงคลที่วัดนาคปรก ภาษีเจริญ กรุงเทพ
Next post เที่ยววัดศาลเจ้าเก่าแก่สมัยอยุธยา ขอพรเจ้าพ่อปู่ปุงเถ่ากง กราบพระพุทธรูปโบราณ ริมน้ำเจ้าพระยา จังหวัดปทุมธานี