ในช่วงบ่ายคล้อยปลายสัปดาห์ก่อน เราขับผ่านย่านท่าเตียน พอถึงวัดโพธิ์ เห็นว่าสภาพจราจรโล่ง จึงลองขับรถเข้าไปที่จอดรถข้างวัด โดยผ่านมาย่านนี้หลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถจอดรถได้ ทำให้ไม่ได้เข้าไปเที่ยววัดกันเสียที วันนี้ พอเลี้ยวเข้าไป หวังเพียงว่าจะที่จอดสักคัน และแล้ว โชคเป็นของเรา มาเจอที่จอดรถที่หน้าทางเข้าประตูวัดพอดี ทำให้ได้มาไหว้พระสมประสงค์ดังใจ และยังได้พบความน่าสนใจต่างๆ ที่ไม่น่าเชื่อ เพราะวันนี้ ถึงวันที่ 31 ม.ค. 64 วัดโพธิ์ถูกเลือกเป็นจุดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินระดับโลกในโครงการ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) อีกด้วย
ความน่าสนใจห้ามพลาดชมเมื่อมาเที่ยววัดโพธิ์
- ชมงานศิลปะที่โผล่ขึ้นมาในศาลาการเปรียญ และภายในวิหารทิศตะวันตก
- สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และพระพุทธปฏิมาที่พระวิหารทิศ
- กราบพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารรัชกาลที่ 1 ที่พระอุโบสถ
- ชมความวิจิตรบรรจงของพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล
- รู้จักยักษ์วัดโพธิ์แห่งท่าเตียน ที่ทางเข้ารั้วพระมณฑป
- เดินเมื่อยเพราะเดินชมวัดหลายชั่วโมง มาลองศึกษาท่ายืดเส้นจากฤาษีดัดตน และตำรานวดแผนโบราณ
รู้จักวัดโพธิ์
วัดโพธิ์ เป็นชื่อเรียกติดปากของคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีชื่อเป็นทางการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดโพธาราม ได้รับการบูรณะในรัชกาลที่ 1 เพราะวัดโพธารามเป็นหนึ่งในวัดเก่าที่ขนาบพระบรมมหาราชวังด้านทิศใต้ (ส่วนวัดที่ขนาบทางด้านทิศเหนือ คือ วัดสลัก หรือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร) เมื่อสถาปนาเสร็จ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และใช้ชื่อนี้กันมาถึงทุกวันนี้
ชมงานศิลปะที่โผล่ขึ้นมาในศาลาการเปรียญ และภายในวิหารทิศตะวันตก
ความพิเศษของการเที่ยววัดโพธิ์ในช่วงนี้ นอกเหนือจากการมาไหว้พระทำบุญตามปกติ คือ การมาเที่ยวชมงานศิลปะจาก Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) เพราะวัดโพธิ์เป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานแสดงศิลปะของศิลปิน 2 คน จากทั้งหมดร่วม 20 คน ณ สถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพ
งานศิลปะชิ้นแรก ที่ต้องทำให้เราตะลึง คือ การงานผลประติมากรรมชื่อ Push, Pull II ของ Anish Kapoor (อนิซ คาพัวร์) ศิลปินจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เพราะเรานึกไม่ถึงว่าจะมีแท่งวงกลมทะลุพื้นศาลาการเปรียญเข้ามาให้เราชม
งานศิลปะชิ้นนี้หล่อจากขึ้ผึ้งสีแดงอบเชย รูปทรงครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ สูง 5 เมตร x กว้าง 8 เมตร x หนา 1 เมตร (รวมโครงวัสดุประกอบโดยรอบที่ยึดติด) ตั้งกระหง่านตรงหน้าพระประธานในศาลาเปรียญ คือ พุทธศาสดา ผลงานชิ้นนี้ Anish ต้องการถ่ายทอดเรื่องแรงโน้มถ่วง ที่ผสมผสานสวรรค์และจักรวาล กับพุทธศาสนา เราสามารถอ่านรายละเอียดของการสร้างผลงานชิ้นงานศิลปะที่ป้ายในศาลา หรือ สอบถามเจ้าหน้าที่
งานศิลปะชิ้นสอง อยู่ในวิหารทิศตะวันตก งานศิลปะชิ้นนี้ จะให้ความรู้สึกตรงข้ามกับงานชิ้นแรก คือ จากความรู้สึกตะลึง กลับกลายเป็นความสงบที่กลมกลืน
Invisible World เป็นผลงานของศิลปินไทย ชื่อ อัฐพร นิมมสัยแก้ว ประเภทศิลปะ 3 มิติ ที่ศิลปินวาดภาพนักพรตบนชั้นผ้าตาข่ายสีดำ ในรูปนั่งสมาธิต่อหน้าพระพุทธชินศรีปางนาคปรกพระประธานในวิหารทิศ ชั้นตาข่ายถูกวางเรียงกันจนทำให้เป็นมิติ และรู้สึกว่าภาพนักพรตมีชีวิต เพราะลมจากพัดลมอ่อนโชยตามผ้าตาข่าย
เมื่อชมงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปิน Bangkok Art Biennale 2020 เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาชมความมรดกของชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรมไทย
สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และกราบพระพุทธปฏิมาในพระวิหารทิศ
พระนอนวัดโพธิ์ ตั้งอยู่ในพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ องค์พระมีความยาว 46 เมตร ถูกจัดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นอันดับ 4 ในประเทศ กิจกรรมที่พึงทำ นอกเหนือจากการกราบสักการะพระนอน เราแนะนำให้ใช้เวลาชมศิลปะภายในพระวิหาร ประกอบไปด้วยการชมจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องมหาวงศ์หรือพงศาวดารพระพุทธศาสนาในทวีปลังกา และเรื่องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ชมลายรดน้ำลายที่บานประตู และบานหน้าต่างที่วิจิตรบรรจงอีกด้วย
เมื่อไหว้พระนอนแล้ว เราขอพาทุกคนไปไหว้พระพุทธปฏิมากร 5 องค์ ที่ประดิษฐานในพระวิหารทิศทั้ง 4 รอบพระระเบียงพระอุโบสถ โดยอาจจะเริ่มสักการะพระพุทธปฏิมากรที่มุขหน้าของวิหารทิตะวันตก และเดินต่อเนื่องไปยังทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศใต้ เมื่อสักการะครบทั้ง 4 องค์แล้ว ก็เดินผ่านพระระเบียงไปลานพระอุโบสถ ไปที่มุกหลังของพระวิหารทิศใต้อีกครั้ง เพราะจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาองค์ที่ 5
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินศรี พระพุทธรูปปางนาคปรก อัญเชิญมาจากจังหวัดลพบุรี
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปาลิไลย ปางป่าเลไลยก์ หล่อขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 1
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระพุทธชินราชปางปฐมเทศนาสมัยอยุธยา อัญเชิญมาจากจังหวัดอยุธยา
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธโลกนาถศาสดาจารย์ พระพุทธรูปยืน สูง 10 เมตร หล่อด้วยสำริด
อัญเชิญมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดอยุธยา
ทั้งนี้ ที่มุขหน้า พระวิหารทิศตะวันออก
จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่วันที่เราไปเที่ยววัดโพธิ์นั้น มุกหน้าไม่เปิดให้เข้าสักการะ
เล่าเรื่อง ห้องสิน หนึ่งในวรรณกรรมเรื่องเทพเจ้าของจีน
กราบพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารรัชกาลที่ 1 ที่พระอุโบสถ
ในพระอุโบสถวัดโพธิ์แห่งนี้ นับว่าเป็นสถานที่สำคัญทั้งทางพุทธศาสนสถานและประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะเป็นที่สักการะพระพุทธเทวปฏิมากร ปางสมาธิ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทย และยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารรัชกาลที่ 1 ที่ชั้น 1 ของฐานชุกชีของพระพุทธเทวปฏิมากรอึกด้วย เราขอชวนคนไทยมากราบไหว้พระบรมอัฐิ เพื่อรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 1 ที่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ให้พวกเราชาวไทย ได้มีบ้านเมือง ที่ดินทำกิน และประเทศชาติจนมาถึงทุกวันนี้
ชั้น 1 (บนสุด) บรรจุพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารรัชกาลที่ 1
ชั้น 2 ประดิษฐานรูปพระอัครสาวก
ชั้น 3 (ชั้นล่างสุด)ประดิษฐาน พระมหาสาวก 8 องค์ หรือ พระอรหันต์ 8 ทิศ
เดิมประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดคูหาสวรรค์ (ชื่อเดิมศาลาสี่หน้า)
ชมความวิจิตรบรรจงของพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล
กลุ่มพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล อยู่ในรั้วกำแพงสีขาวข้างศาลาการเปรียญ ความน่าสนใจในบริเวณนี้ คือ การชมความวิจิตรบรรจงของงานสถาปัตยกรรมไทย ได้แก่ เจดีย์ย่อไม้สิบสอง ที่ตั้งหง่านหลากสีตั้งแต่ สีเขียว ขาว เหลือง และน้ำเงินเข้ม พร้อมการประดับประดับลวดลายกระเบื้องเคลือบอย่างสวยงาม คล้ายกับงานสถาปัตยกรรมที่วัดอรุณ จุดเด่นอื่นที่ชวนชม คือ ซุ้มประตูศิลปะแบบจีน ประดับเป็นยอดไม้ด้วยกระเบื้องเคลือบวิจิตรบรรจง
จะสามารถเก็บภาพมหาเจดีย์ทั้ง 4 องค์ได้ครบ
พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน พระมหาเจดีย์รัชกาลที่ 2 (ในภาพองค์ซ้ายไกลสุด) สร้างโดยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชอุทิศถวายให้รัชกาลที่ 2 ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว
พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร พระมหาเจดีย์รัชกาลที่ 3 (ในภาพองค์ขวาใกล้สุด) สร้างโดยรัชกาลที่ 3 เพื่อเป็นพุทธบูชา ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง
รู้จักยักษ์วัดโพธิ์แห่งท่าเตียนที่ทางเข้ารั้วพระมณฑป
หนึ่งในความตั้งใจมาวันโพธิ์วันนี้ คือ การมาตามหายักษ์วัดโพธิ์ แห่งตำนานกำเนิดท่าเตียน ที่ว่า ยักษ์วัดโพธิ์ รบกับยักษ์วัดแจ้งวัดแจ้ง (วัดอรุณ) เพราะยักษ์วัดโพธิ์ยืมเงินยักษ์วัดแจ้งแล้วไม่คืน จนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทเหยียบย่ำต้นไม้ตายราบ ทำให้พื้นที่หน้าวัดโพธิ์โล่งเตียน จนเป็นชื่อท่าเตียน สงครามดังกล่าวไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ชนะ ตำนานเล่าว่ายักษ์วัดพระแก้วเป็นผู้ห้ามทัพ และพระอิศวรลงโทษสาบให้ยักษ์ทั้งสองวัดกลายเป็นหินเพื่อเฝ้าวัดทั้งสองแห่งนี้
ความสวยแปลกตาชวนมองอยู่ที่นำกระเบื้องมาเรียงเป็นหางหงส์นาคเบือน และหน้ากิเลนที่ปลายเสา ประตูลายรดน้ำรายละเอียดสวยงามมาก
เดินเมื่อยเพราะเดินชมวัดหลายชั่วโมง มาลองศึกษาท่ายืดเส้นจากฤาษีดัดตน และตำรานวดแผนโบราณ
วัดโพธิ์ โด่งดังเรื่องการนวดแผนโบราณ โดยเป็นโรงเรียนนวดแผนไทย และสถานที่นวดบำบัดให้กับผู้มาเยือน แต่ในวันนี้ ต้องปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของช่วงโควิท-19
แต่ไม่เป็นไร เราสามารถชมท่าทางจากฤาษีตามสวนหินหย่อมที่ปลูกไม้ประดับร่มรื่น (เขามอ) รอบๆ วัด และในวันนี้ขอเก็บภาพมาฝาก เผื่อใครอยากยืดเส้นสายก็ทำตามกันได้ แต่ระวังหน่อยนะ บางท่าอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับมือใหม่!!!
เดินเที่ยวชมวัดโพธิ์วันนี้ เพลินจนคล้อยค่ำเกือบ 17.45 น. ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง ได้รับความประทับใจในทุกมิติ ไม่ว่าความสุขทางใจ การตั้งจิตอธิษฐาน การชมศิลปกรรมไทย รำลึกถึงบูรพกษัตริย์ไทยและที่สำคัญการชมงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินไทยและอินเดียอีกด้วย
หากวัดยังไม่ปิดและเจ้าหน้าที่ไม่เตือนว่าวัดกำลังจะปิด เราคงจะเดินเพลินต่อไปลืมกลับบ้าน และวันนี้ นับว่าเป็นวันที่คุ้มค่ากับการหลบภารกิจประจำวันมา aDayoff ที่คุ้มค่าทางใจอย่างแท้จริง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พระนอนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย https://www.youtube.com/watch?v=7SoQvgzS-wc
- ภาพศิลาสลักบนซุ้มโขลนทวาร หรือ ซุ้มประตูสิริมงคล ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ หรือวัดโพธิ์ (๒) https://www.facebook.com/NewSilkRoadMag/posts/2335211870043506/
- วัดโพธิ์ http://www.watpho.com/
- Wikipedia: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3